เมนู

เรากับบริวารพันหนึ่งได้อุปสมบทด้วย
เอหิภิกขุ ได้บรรลุอรหัตพร้อมกับภิกษุเหล่านั้น
ทุกองค์
ภิกษุเหล่านั้นและภิกษุพวกอื่นเป็นอันมาก
แวดล้อมเราเป็นยศบริวาร และเราก็สามารถที่จะ
สั่งสอนได้เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าสูงสุด
จึงทรงตั้งเราไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะความเป็นผู้มี
บริษัทมาก โอ สักการะที่ได้ทำไว้ในพระพุทธเจ้า
ได้ก่อให้เกิดสิ่งที่มีผลแก่เราแล้ว
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอุรุเวลกัสสปเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบอุรุเวลกัสสปเถราปทาน

538. อรรถกถาอุรุเวลกัสสปเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 8 ดังต่อไปนี้:-
อปทานของท่านพระอุรุเวลกัสสปเถระ อันมีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร
นาม ชิโน
ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้าพระองค์
ก่อน ๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้น ๆ

ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ท่านบังเกิดในเรือนอันมี
สกุล เจริญวัยแล้ว ได้ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้มองเห็นภิกษุ
รูปหนึ่ง ซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้มีบริ-
วารมาก แม้ตนเองก็ปรารถนาตำแหน่งนั้น ได้ถวายมหาทาน กระทำปณิธาน
ไว้แล้ว. และพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเห็นว่าเขาไม่มีอันตราย จึงทรงพยา-
กรณ์ว่า ในอนาคตกาล ในพระศาสนาของพระโคดมพุทธเจ้า เขาจักเป็นผู้เลิศ
กว่าพวกภิกษุผู้มีบริวารมาก. เขากระทำบุญไว้ในภพนั้นเป็นอันมาก จนตลอด
อายุ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ในที่สุด
92 กัปแต่กัปนี้ ได้บังเกิดเป็นพระกนิฏฐภาดาต่างพระมารดาของพระผู้มี-
พระภาคเจ้าพระนามว่า ผุสสะ เขาได้มีกนิฏฐภาดา 2 คนแม้เหล่าอื่น. คน 3
คนเหล่านั้น ได้นิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข บูชาด้วยเครื่อง
บูชาอย่างยอดเยี่ยมได้กระทำกุศลไว้จนตลอดชีวิตแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลก
และมนุษยโลก ได้บังเกิดเป็นพี่น้องกัน 3 คน ในตระกูลพราหมณ์ ในกรุง
พาราณสี ก่อนหน้าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย ทรงอุบัติขึ้นทีเดียว
ทั้ง 3 คนได้มีชื่ออย่างนี้ว่า กัสสปะ ด้วยอำนาจแห่งโคตร. คนทั้ง 3 คน
เหล่านั้นเจริญวัยแล้ว ก็ได้เล่าเรียนจบไตรเพท. บรรดาคนทั้ง 3 เหล่านั้น
คนพี่ชายใหญ่มีบริวาร 500 คน คนกลางมีบริวาร 300 คน คนน้องเล็กมี
บริวาร 200 คน คนทั้ง 3 นั้น ตรวจดูสาระประโยชน์ในคัมภีร์ทั้งหมดของ
ตน ได้เห็นแต่เพียงประโยชน์ปัจจุบันเท่านั้น จึงพากันยินดีการบวช. บรรดา
พี่น้อง 3 คนนั้น คนพี่ใหญ่ได้ไปยังตำบลอุรุเวลาพร้อมกับบริวารของตน
บวชเป็นฤาษี ได้ปรากฏชื่อว่า อุรุเวลกัสสปะ คนกลางบวชอยู่ที่ทางโค้งแม่น้ำ

คงคา ปรากฏชื่อว่านทีกัสสปะ คนเล็กบวชอยู่ที่คยาสีสะ ได้ปรากฏชื่อว่า
คยากัสสปะ. เมื่อพี่น้อง 3 คนนั้นได้บวชเป็นฤาษีอย่างนั้น ต่างก็อยู่กันในที่
นั้น ๆ โดยล่วงไปได้หลายวัน พระโพธิสัตว์ของพวกเรา ได้เสด็จออก
มหาภิเนษกรมณ์ ทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว ทรงประกาศธรรมจักร
ให้เป็นไปแล้วโดยลำดับ ทรงให้พระเถระปัญจวัคคีย์ ดำรงอยู่แล้วในพระ-
อรหัต ทรงแนะนำคน 5 คนซึ่งเป็นสหายกัน อันมียศสกุลบุตรเป็นหัวหน้า
(ให้ดำรงอยู่ในพระอรหัต) ทรงส่งพระอรหันต์ 60 องค์ไปด้วยพระดำรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริกไปเถิด ดังนี้แล้ว ทรงแนะนำพวก
ภิกษุภัททวัคคีย์ 30 รูป แล้วได้เสด็จไปยังที่อยู่ของอุรุเวลกัสสปะ เสด็จเข้าไป
ยังโรงไฟเพื่อพักอาศัย ณ ที่นั้น ได้ทรงแนะนำอุรุเวลกัสสปะพร้อมทั้งบริวาร
ด้วยปาฏิหาริย์ 3,500 มีการทรมานนาคเป็นต้นเสร็จแล้ว จึงให้เขาได้บรรพชา
วิธีการบรรพชาของอุรุเวลกัสสปะนั้น และการกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ทั้งหมด
จักมีแจ่มแจ้งในอรรถกถาอปทานของท่านนทีกัสสปะแล. แม้ถึงพี่น้องที่เหลือ
อีก 2 คนนอกนี้ พอได้ทราบข่าวว่าอุรุเวลกัสสปะผู้พี่ใหญ่นั้นบวชแล้ว ต่าง
ก็พร้อมด้วยบริวาร พากันมาบวชในสำนักของพระศาสดาแล้ว. พี่น้อง 3 คน
ทั้งหมดนั้นทรงบาตรและจีวรอันสำเร็จด้วย. ได้เป็นเอหิภิกษุแล้ว. พระ-
ศาสดา ทรงพาสมณะ 1,000 องค์นั้น เสด็จไปยังคยาสีสะ ประทับนั่งบน
แผ่นหิน ทรงให้สมณะทั้งหมดนั้นดำรงอยู่ในพระอรหัต ด้วยอาทิตตปริยาย-
เทศนา.
พระอุรุเวลกัสสปะนั้น พอได้บรรลุพระอรหัตแล้วอย่างนั้น เกิดความ
โสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน

ของตน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุมุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. ข้าพเจ้าจัก
พรรณนาเฉพาะบทที่ยากเท่านั้น. บทว่า โส สพฺพํ ตมํ หนฺตฺวา ความ
ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ผุสสะ พระองค์นั้น ทรงกำจัดได้แล้ว ซึ่ง
ความมืดคือกิเลสอันได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น . บทว่า วิชเฏตฺวา
มหาชฏํ
ความว่า สะสาง ทำลายล้างผลาญชัฏเครื่องยุ่งกันใหญ่ ด้วยหมู่
แห่งกิเลส 1,500 มีตัณหาและมานะเป็นต้น . มีวาจาประกอบความว่า ทำ
เทวโลกคือโลกสันนิวาสทั้งสิ้นให้ยืนดี ให้อิ่มใจ ให้ชุ่มใจอยู่ ยังฝนคืออมตะ
มหานิพพานให้ตกลงไหลเอิบอาบแล. บทว่า ตทา หิ พาราณสิยํ มีอรรถ
วิเคราะห์ว่า คำว่า พารส แปลว่า 12 ดุจในประโยคเป็นต้นว่า มนุษย์ 12
คน เมืองที่มี 12 ราศี ฤาษีจากหิมวันตประเทศ และฤาษีคือพระปัจเจกมุนี
มาจากภูเขาคันธมาทน์โดยทางอากาศ ย่อมพากันไป คือ หยั่งลง ได้แก่ย่อม
เข้าไป ในเมืองที่มี 12 ราศีนั้น เหตุนั้น เมืองนั้นจึงชื่อว่า พาราณสี อีก
ความหมายหนึ่งว่า สถานที่อันบุคคลคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลายแสน
พระองค์ทรงหยั่งลงเพื่อประกาศพระธรรมจักรให้เป็นไปทั่ว บัณฑิตเรียกกัน
ว่า พาราณสี ด้วยอำนาจทางศัพท์เป็นอิตถีลิงค์ เพราะทำ นคร ศัพท์ให้เป็น
ลิงควิปลาส. ในพระนครพาราณนั้น. บทว่า นิกฺขิตฺตสตฺถํ ปจฺจนฺตํ ความ
ว่า ทำปัจจันตชนบทให้ทิ้งศัสตรา ให้วางอาวุธ ให้สิ้นพยศ. บทว่า กตฺวา
ปุนรุปจฺจ ตํ
ความว่า แล้วกลับเข้ามาถึงยังพระนครนั้นอีก. คำที่เหลือมีเนื้อ
ความพอที่จะกำหนดรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
จบอรรถกถาอุรุเวลกัสสปเถราปทาน

ราธเถราปทานที่ 9 (539)



ว่าด้วยบุพจริยาของพระราธเถระ



[129] ในกัปนับจากภัทรกัปนี้ไปแสน
หนึ่ง พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรง
รู้แจ้งเทวโลกทั้งปวงเป็นนักปราชญ์ มีจักษุ ได้เสด็จ
อุบัติขึ้นแล้ว
พระองค์เป็นผู้ตรัสสอน ทรงแสดงให้
สัตว์รู้ชัดได้ ยังสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร
ทรงฉลาดในเทศนา เป็นผู้เบิกบาน ทรงช่วย
ประชุมชนให้ข้ามพ้นไปเสียเป็นอันมาก
พระองค์เป็นผู้อนุเคราะห์ ประกอบด้วย
พระกรุณาแสวงหาประโยชน์ให้สรรพสัตว์ยัง
เดียรถีย์ที่มาเฝ้าให้ดำรงอยู่ในเบญจศีลได้ทุกคน
เมื่อเป็นเช่นนี้พระศาสนาจึงไม่มีความ
อากูล ว่างสูญจากเดียรถีย์ วิจิตรด้วยพระอรหันต์
ผู้คงที่ มีความชำนิชำนาญ
พระมหามุนีพระองค์นั้นสูงประมาณ 58
ศอก มีพระฉวีวรรณงามคล้ายทองคำอันล้ำค่า มี
พระลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ